งานใหม่เปรียบเหมือนฝันร้าย ควรรับมืออย่างไรดี

งานใหม่เปรียบเหมือนฝันร้าย ควรรับมืออย่างไรดี

ทุกวันนี้มีอาชีพไหนไม่ยากลำบากบ้าง เจอสถานการณ์กดดันบีบบังคับให้หลายคนเปลี่ยนอาชีพใหม่หรือย้ายที่ทำงาน แต่งานใหม่กลับเหมือนฝันร้าย ไม่ว่าจะพิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขของงานอย่างรอบคอบแล้ว แต่ไม่มีทางแน่ใจได้ว่างานนั้นจะน่าพอใจจนกว่าจะได้ลองทำงานจริง จะทำอย่างไรถ้างานใหม่ไม่ใช่งานในฝันอย่างที่คิด 

การเปลี่ยนงานหรือที่ทำงานแต่ละครั้งยุ่งยากไม่น้อย ควรพิจารณาให้ดีก่อน เพราะการเปลี่ยนงานหลายที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เสียเวลาในการเรียนรู้และปรับตัวกว่างานจะเข้าที่เข้าทาง ยิ่งเป็นสายงานที่ต้องการความสัมพันธ์แบบมืออาชีพ คนที่อยู่ในตำแหน่งแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ถึง 2 ปี ยังไม่ทันได้สร้างผลงานและประสบการณ์ที่จะเพิ่มเงินเดือนที่อยากได้หรือโอกาสก้าวหน้า อีกทั้งนายจ้างก็ไม่กล้าลงทุนกับคนที่ทำงานไม่นานแล้วลาออกกลางคัน

เมื่อพิจารณาแล้วว่างานใหม่ไม่ถูกใจ มาดูวิธีรับมือกับงานใหม่ที่ไม่ชอบกัน

1.ให้เวลาตัวเองเรียนรู้และปรับตัว อย่าเพิ่งเลิกคาดหวังกับงาน ให้เวลาตัวเองปรับตัวเข้ากับงานใหม่ เพื่อนร่วมงาน และวัฒนธรรมขององค์กร เป็นเรื่องยากที่ต้องทำปรับตัวหลายอย่างในตอนแรก ค้นหาว่าปัญหาคืออะไร สาเหตุที่ไม่ชอบ รอผ่านไประยะหนึ่งแล้วพอทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอยค่อยตัดสินใจว่ามีโอกาสแก้ไขเพื่ออยู่ต่อทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่ หากมีเหตุผลชัดเจนว่าทำไมต้องออกไปแสวงหางานใหม่ที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น

2.คุยอย่างเปิดอกกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน เมื่อทำงานให้ดีที่สุดแล้วแต่ยังคงไม่พอใจกับงานที่ทำ อย่าเพิ่งรีบยื่นใบลาออกในทันที ควรทบทวนอย่างมีสติค้นหาว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จากนั้นพูดคุยแบบเปิดอกเพื่อปรับปรุงทัศนคติ ตระหนักถึงข้อดีและสิ่งที่ชอบ ช่วยกันคิดปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้ทำงานง่ายขึ้น ใช้ชีวิตง่ายขึ้น เร็วที่สุดก่อนที่สถานการณ์จะแย่ลงจนกระทั่งเกลียดสิ่งที่ทำ 

3.เริ่มหางานใหม่เมื่อตระหนักได้ว่าปัญหาที่มีกับงานใหม่แก้ไขไม่ได้ มองหางานอย่างเงียบๆ เตรียมอัปเดทประวัติย่อและโปรไฟล์การทำงานที่จะดึงดูดความสนใจของผู้จ้างงาน การเลือกงานครั้งนี้ควรเรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาด เพิ่มความสุขุมรอบคอบในการเลือกงานใหม่ เมื่อเจองานถูกใจและพร้อมเปลี่ยนงานใหม่แล้วค่อยบอกเจ้านาย เตรียมแจ้งลาออกล่วงหน้าตามกฎระเบียบขององค์กร

เหตุผลที่งานใหม่ไม่เข้าตาอาจเป็นเพราะทัศนคติทำให้รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูก อย่าด่วนตัดสินเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ลองเรียนรู้และประเมินข้อดีข้อเสีย แม้ว่าการหางานใหม่อาจไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เพราะมีคุณสมบัติที่นายจ้างส่วนใหญ่ต้องการ แต่การอยู่ไม่ทนอาจสร้างปัญหาใหญ่ในอนาคต พยายามปรับตัวสักระยะเมื่อผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ ปัญหาที่คิดว่าหนักหนาอาจจะคลี่คลายไปได้ สุดท้ายถ้าคิดว่างานไม่เหมาะกับตัวเราจริงๆ ค่อยเตรียมตัวให้พร้อมออกจากบริษัทไปอย่างสง่างาม